เชื้อราสาเหตุของโรคผลเน่าในทุเรียนมีถึง 5 ชนิด ได้แก่

1. เชื้อไฟทอปธอร่า (Phytophthora palmivora) : แผลสีน้ำตาลเข้มปนน้ำตาลแดง ร่องหนามมีสีเข้ม โคนหนามมีลักษณะวาว และแผลคล้ายฉ่ำน้ำ บางครั้งเห็นเส้นใยสีขาวรวมตัวกันเป็นกระจุกในภาวะความชื้นสูง และอาจเน่าลุกลามเข้าตามไส้เมื่อผลเริ่มสุก ทำให้เนื้อทุเรียนเสีย มีรสเปรี้ยว บางครั้งเข้าทำลายลึกถึงเมล็ด

2. เชื้อแอนแทรคโนส (Colletotrichum gloeosporioides) : แผลจะเป็นเริ่มจากมีจุดสีเหลืองที่หนาม ต่อมาแผลเป็นสีเข้ม อาจพบเส้นใยในภาวะความชื้นสูง

3. เชื้อโฟมอปซิส (Phomopsis sp.) : แผลเป็นสีน้ำตาล ร่องหนามมีสีเข้ม โคนหนามมีลักษณะจุดดำกระจาย

4.เชื้อลาสิโอดิพโพลเดีย (Lasiodiplodia theobromae) : แผลเป็นสีน้ำตาลเข้ม หากมีความชื้นสูงจะพบเส้นใยเชื้อราสีเขียวขี้มาปนเทาเจริญคลุมแผล มักพบที่ก้นผล ผลจะแตก อาการจะลุกลามอย่างรวดเร็ว และมีกลิ่นสาบ

5. เชื้อฟิวซาเรียม (Fusarium solani) : แผลสีน้ำตาลถึงดำ มีเมือกสีส้มหรือสปอร์ขาวอมส้มในภาวะความชื้นสูง

เชื้อราดังกล่าวทำให้ผลร่วงได้ หรือถ้าไม่ร่วงก็จะทำให้ผลผลิตเสียหาย มีตำหนิ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ถ้าเป็นมากเนื้อด้านในจะเน่าเละ มีกลิ่นเหม็น การป้องกันที่ดีที่สุดคือ พ่นป้องกันทุกระยะของผล เดือนละครั้ง

วิธีป้องกันโรคเข้าผลทุเรียน

ระยะ ลูกหมาก-กระป๋องนม

ป้องกันด้วย บิซโทร 400 กรัม สลับ ซับลา 300 กรัม สลับ เบนเอฟ 200 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร

ระยะขยายขนาดผล (2 เดือน)

ป้องกันด้วย ชีคไบท์ 300 ซีซี สลับ มิลล่า 300 ซีซี สลับ เบนเอฟ 300 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร

ระยะขยายขนาดผล (3 เดือน)

ป้องกันด้วย รัสโซล 150 ซีซี สลับ ซับลา 300 กรัม สลับ มิลล่า 300 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร

ก่อนเก็บเกี่ยว (4 เดือน)

ป้องกันด้วย รัสโซล 150 ซีซี สลับ แซสซี่ 100 ซีซี สลับ อินดีฟ 100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร

สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานยูนิไลฟ์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ยูนิไลฟ์ สำนักงานใหญ่ โทรศัพท์ 02-399-5555 หรือ ไอดีไลน์ @unilife

ที่มา :เอกสารบรรยายการอบรมโรคที่พบในทุเรียน รศ.ดร.รัติยา พงศ์พิสุทธา ภาควิชาโรคพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน

    :หนังสือทุเรียนราชาผลไม้ พิสุทธิ์ เอกอำนวย