หนอนใยผัก

        ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก สามารถวางไข่ได้ 47-407 ฟอง ทำให้หนอนเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว พบตัวเต็มวัยบินมากในช่วง 18.00-21.00 น. ไข่เป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อใกล้ฟักจะเปลี่ยนเป็นสีดำ หนอนลำตัวเรียวยาว หัวท้ายแหลม ส่วนท้ายมีปุ่มยื่นออกเป็น 2 แฉก เมื่อถูกรบกวนจะทิ้งตัวลงตามใย แล้วเข้าดักแด้ช่วงแรกจะเป็นสีเขียว เมื่อใกล้ออกเป็นตัวเต็มวัยจะมีสีน้ำตาล

ลักษณะการเข้าทำลาย

          ตัวหนอนที่ฟักออกจากไข่ในวัยแรกจะเจาะกัดกินเนื้อเยื่อใบ และเมื่อเข้าสู่ระยะวัย 2 จะอยู่ใต้ใบและกัดกินผิวใบทำให้ใบเป็นรูโหว่ หากระบาดรุนแรงจะทำให้ผลผลิตเสียหายเป็นอย่างมาก จัดเป็นหนอนดื้อยาเพราะป้องกันกำจัดได้ยาก เกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการป้องกันกำจัด เนื่องจากหนอนใยผักสามารถสร้างความต้านทานต่อสารกำจัดแมลงได้หลายชนิดอย่างรวดเร็ว

การป้องกันและกำจัด

เนื่องจากหนอนใยผักมีช่วงชีวิตสั้น และมียีนที่สามารถพัฒนาและต้านทานต่อสารกำจัดแมลงได้หลายชนิดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการป้องกันกำจัดจึงควรใช้วิธีผสมผสาน

       1. การควบคุมโดยวิธีธรรมชาติ ศัตรูธรรมชาติของหนอนใยผัก ได้แก่ แตนเบียนหนอน และแตนเบียนดักแด้ ทั้งสองชนิดจะจับกินหนอนใยผักในระยะหนอนและระยะดักแด้เป็นอาหาร การกำจัดโดยใช้ราก็เป็นวิธีหนึ่งที่นิยมในปัจจุบัน เชื้อราที่นิยม ได้แก่ เชื้อราบิวเวอร์เรีย เป็นเชื้อราที่สามารถทำลายหนอนใยผักได้ทุกระยะ รวมถึงในระยะผีเสื้อด้วย นอกจากนั้น อาจใช้วิธีการกำจัดด้วยเชื้อแบคทีเรียบีที ซึ่งจะใช้โดยวิธีการฉีดพ่นในรูปของสารละลายน้ำ

       2. การควบคุมโดยวิธีเขตกรรม การปลูกพืชหมุนเวียน จะช่วยตัดวงจรชีวิตของหนอนใยผัก ไม่ควรปลูกพืชซ้ำๆ ตลอดปี การกำจัดพืชผักที่มีการระบาดของหนอนใยผักออกให้หมด ด้วยการฝัง การเผา การหมักน้ำ หรือการทำปุ๋ยหมัก วิธีนี้จะช่วยหยุดการระบาดของหนอนไปสู่แปลงอื่นๆได้ การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์แทนระบบน้ำหยด เนื่องจากการให้น้ำเป็นฝอยหรือหยดจากด้านบนของแปลงผักสามารถทำให้ไข่หรือหนอนใยผักในระยะอ่อนร่วงลงด้านล่างหรือจมน้ำได้ อีกทั้งยังไม่เอื้อต่อการวางไข่ของผีเสื้อกลางคืน

      3. ใช้สารเคมีป้องกันกำจัด คุมไข่หนอน หยุดการลอกคราบ ปราบหนอนดื้อยา ด้วย วอเดอร์ 20 กรัม ร่วมกับผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง ฟิพเปอร์ 30 ซีซี หรือ คอลลิ่ง 30 ซีซี หรือ เคาท์ดาว 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร

สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงานยูนิไลฟ์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ยูนิไลฟ์ สำนักงานใหญ่ โทรศัพท์ 02-399-5555 หรือ ไอดีไลน์ @unilife

ที่มา: กรมวิชาการเกษตร