บัว มีหลากหลายสี นิยมปลูกเลี้ยงในอ่างหรือสระเพื่อเป็นไม้ประดับ ไม้มงคลในบ้าน หรือปลูกเพื่อค้าขาย เนื่องจากชาวพุทธนิยมนำไปใช้ในกิจกรรมทางศาสนา
บัวจำแนกได้ 3 สกุลใหญ่ คือ สกุลเนลุมโบ (Nelumbo) หรือปทุมชาติ สกุลนิมเฟียร์ (Nymphaea) หรืออุบลชาติ และสกุลวิกตอเรีย (Victoria) หรือบัววิกตอเรีย โดยแต่ละสกุลจำแนกได้หลายชนิด สำหรับประเทศไทยมีการปลูกเป็นการค้า 6 ชนิด ได้แก่ บัวกลวง บัวฝรั่ง บัวเผื่อน บัวสาย บัวจงกลนี และบัววิกตอเรีย
1. บัวหลวง อยู่ในสกุลเนลุมโบ (Nelumbo) ดอกและใบชูขึ้นเหนือน้ำ ใบขนาดใหญ่สีเขียว ค่อนข้างกลม ผิวหน้าใบจะเหมือนมีขี้ผึ้งเคลือบอยู่ ทำให้น้ำไม่เกาะ ดอกเป็นแบบดอกซ้อนและไม่ซ้อน พบได้ 4 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง ก้านจะแข็ง บัวชนิดนี้นิยมนำมาไหว้พระ หรือจัดแจกันบูชาพระ และนำรากไปประกอบอาหาร
2. บัวฝรั่ง อยู่ในสกุลเนลุมโบ (Nelumbo) มีลักษณะคล้ายบัวหลวง ใบกลมสวย ขอบเรียบ ดอกลอยแตะผิวน้ำหรือชูเหนือผิวน้ำเล็กน้อย มีหลายสี ได้แก่ สีขาว สีแดง สีชมพู และสีเหลือง บัวชนิดนี้นิยมนำมาใช้เป็นไม้ประดับ
3. บัวผัน บัวเผื่อน อยู่ในสกุลนิมเฟียร์ (Nymphaea) มักขึ้นตามทุ่งนา หนองน้ำ ดอกมีกลิ่นหอม บานตอนเช้าและหุบในตอนเย็น ใบเป็นรูปไข่จนถึงกลม ดอกมีหลายกลีบและหลายสี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ หรือนำส่วนหัวไปทำเป็นยาได้
4. บัวสาย อยู่ในสกุลนิมเฟียร์ (Nymphaea) มักอยู่ตามหนองบึง สามารถขึ้นในระดับน้ำลึกๆได้ ก้านจะอ่อน ก้านใบจะไม่สามารถส่งใบให้ชูพ้นน้ำได้ สูง ใบมีลักษณะมน มักลอยบนผิวน้ำ ดอกมีหลายสี ได้แก่ สีบานเย็น สีขาว และสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกบานตอนกลางคืนและหุบในตอนเข้า มัก นิยมใช้เป็นไม้ประดับ หรือนำส่วนหัวไปทำเป็นยา และนิยมเอาก้านไปประกอบอาหารที่หลายคนมักรู้จัก คือ แกงสายบัว
5. บัวจงกลนี อยู่ในสกุลนิมเฟียร์ (Nymphaea) เป็นบัวที่ค้นพบใหม่ มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ใบจะลอยแตะบนผิวน้ำ ขอบใบหยัก รูปร่างรีคล้ายหัวใจ หน้าใบสีเขียว หลังใบเป็นสีม่วงแดง ดอกจะลอยแตะผิวน้ำเล็กน้อย สีขาวอมชมพู กลีบเรียงซ้อนกันแน่น เป็นบัวที่มีกลีบดอกมากที่สุดใน โลก มีลักษณะพิเศษ คือ เมื่อดอกบานแล้วจะไม่หุบ บัวชนิดนี้ชอบอยู่กลางแจ้งและที่น้ำลึก นิยมนำมาทำเป็นไม้ประดับ และนำส่วนหัวไปทำยา
6. บัววิกตอเรียหรือบัวกระด้ง อยู่ในสกุลวิกตอเรีย (Victoria) เป็นบัวขนาดใหญ่ที่สุด ขอบใบจะยกตัวขึ้นคล้ายกระด้ง ลอยอยู่บนผิวน้ำ ดอกมีกลิ่นหอมแรง มีสีขาวและสีชมพู ดอกบานตอนกลางคืนและหุบในตอนเช้า ใบมีขนาดใหญ่มาก ประมาณ 6 ฟุต ต้องใช้พื้นที่ปลูกมาก มักนิยมใช้เป็นไม้ ประดับและนำก้านใบไปประกอบอาหาร
ที่มา : สมาร์ททิปส์ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย THE Smarter Way (SHOPBACK)
พิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
การทำนาบัว สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์